การ Work From Home ส่งผลให้กิจกรรมในชีวิตประจำวันต้องอยู่กับที่หรือนั่งทำงานเป็นเวลานาน ซึ่งอาจส่งผลทำให้เกิดอาการเส้นเลือดอุดตันจากลิ่มเลือด (Deep Vein Thrombosis - DVT) ได้ รวมถึงการนั่งเครื่องบินหรือเดินทางเป็นเวลานาน และกิจกรรมที่ร่างกายไม่ได้เคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นการขยับร่างกายเรื่อยๆ จึงเป็นสิ่งสำคัญที่ไม่ควรละเลย เพราะช่วยให้เลือดไหลเวียน ลดอาการปวดเมื่อยของร่างกาย
หนุ่มสาวออฟฟิศ ชีวิตรัดตัว เวลาออกกำลังกายไม่ค่อยมี เอาท่านี้ไปเลย รับรองเมื่อยจริง เหนื่อยจริง แค่ 30 วินาทีเท่านั้น
เป็นเรื่องดีที่ตอนนี้กระแสวิ่งยังคงคึกคัก และยังไม่มีวี่แววว่าจะลดกระแสลง ส่งผลให้ประชากรไทยมากมายที่มีรูปร่างกระชับส่วน และมาพร้อมๆ กับสุขภาพที่แข็งแรงปราศจากโรคภัยไข้เจ็บมากยิ่งขึ้น แต่ก็ยังมีประชากรอีกกลุ่มหนึ่ง (ที่จำนวนไม่น้อยไปกว่ากลุ่มแรก) ที่ไม่ชอบออกกำลังกายด้วยการวิ่ง (เผลอๆ จะไม่ชอบออกกำลังกายเลยด้วยซ้ำ) แทนที่จะวิ่ง เลยเลือกที่จะเดิน หรือเดินเร็วๆ แทน จริงๆ แล้ว 2 วิธีนี้ให้ผลลัพธ์ที่แตกต่างกันหรือไม่?
สำหรับทุกคนที่รักในการออกกำลังกายเพื่อหวังได้รับสุขภาพที่ดีกลับมา และตัวเลือกสถานที่ของการออกกำลังกายส่วนใหญ่คงหนีไม่พ้น ยิม แต่หารู้ไหมว่ายิมเกือบทุกที่เป็นสถานที่แออัดและเต็มไปด้วยเหงื่อ หลายคนอาจเข้ายิมตอนเช้าและรีบไปทำงานต่อและหมักหมมเสื้อผ้าที่ชุ่มเหงื่อไว้ในกระเป๋า ผลสำรวจต่อไปนี้จะชี้ให้เห็นว่าพฤติกรรมเกี่ยวกับการออกกำลังกายข้อใดบ้างที่ไม่ถูกสุขลักษณะและควรปรับเปลี่ยนโดยด่วน
น้ำหนักคนเราจะขึ้นอยู่กับอาหารที่ทานเข้าไป การออกกำลังกาย การใช้พลังงานสุขภาพโดยรวม อายุ การดูดซึมสารอาหาร สภาพทางจิตใจ สังคม เศรษฐฐานะ
“อยากจะผอมต้องลงทุน” ประโยคนี้มาจากเพื่อนสาวคนสนิทที่ลงทุนจ่ายค่าฟิตเนสรายปีราคาหลักหมื่นอย่างหน้าตาเฉย แต่พนักงานกินเงินเดือนตัวเล็กๆ (เล็กแค่กระเป๋าสตางค์) อย่างเราได้แต่มองตาปริบๆ แล้วยอมให้เพื่อนสาวค่อนแคะไปเรื่อยๆ ว่าชาตินี้คงไม่มีวันผอม เราจึงหาวิธีไปตอกกลับคุณเพื่อนว่า ไม่ต้องลงทุนสมัครฟิตเนสสักบาท เราก็ลดน้ำหนักได้อย่างถูกวิธี และเห็นผลอย่างแท้จริงได้ ใครที่กำลังประสบปัญหาอย่างเรา รีบเข้ามามุงดูวิธีกันด่วนๆ
เคยรู้สึกกันหรือไม่ว่าหลายๆ ครั้งที่เราไปออกกำลังกาย เล่นกีฬาหนักๆ หวังว่าจะได้เบิร์นพลังงาน และขจัดเจ้าไขมันส่วนเกินลงไปบ้าง แต่เจ้าไขมันที่แอบมาอยู่นิ่งๆ ที่รอบเอวก็ยังจะดื้อ ไม่ยอมหลบไปไหน ทั้งๆ ที่กิจกรรมที่เราทำ การออกกำลังกายหนักๆ ก็น่าที่จะได้เผาผลาญพลังงานไปได้เยอะแล้ว ลองมาดูกันว่ากีฬาที่เราไปเล่น กับการออกกำลังกายแต่ละประเภท ช่วยเผาผลาญพลังงานกันอย่างไรบ้าง
อาการปวดหลังส่วนล่าง (Lower back pain) เป็นอาการปวดหลังที่เกิดจากการบาดเจ็บ เคล็ดขัดยอกของกล้ามเนื้อ หรืออาจจะเกิดขึ้นจากการเคลื่อนไหวที่ผิดท่าทาง การเปลี่ยนท่านอนช่วยให้อาการปวดหลังล่างดีขึ้นได้ นอกจากนี้ การออกกำลังกาย บรรเทาอาการปวดหลังล่าง และช่วยป้องกันอาการปวดหลังช่วงล่างได้ มี ท่าออกกำลังกาย บรรเทาอาการปวดหลังช่วงล่าง มาให้ได้ลองทำตามกัน
“วิดพื้น” เป็นท่าออกกำลังกายแบบเวทเทรนนิ่งที่สามารถเพิ่มความแข็งแรงให้กับกล้ามเนื้อได้เกือบทั่วร่างกาย จึงเป็นท่าออกกำลังกายพื้นฐานที่หลายคนทำอยู่เป็นประจำ แม้ว่าท่าวิดพื้นจะดูง่ายๆ และดูเหมือนว่าใครๆ ก็สามารถทำได้ แต่จริงๆ แล้วทราบหรือไม่ว่ามีเพียงจำนวนไม่มากที่สามารถออกกำลังกายท่านี้ได้อย่างถูกต้องตามที่ควรจะเป็น
ช่วงเวลาของการออกกำลังกายที่เหมาะสมที่สุดคือ ช่วงเวลาที่เราสะดวกที่สุด เพราะเป็นช่วงเวลา ที่ไม่ต้องเร่งรีบ ทำให้สนุกสนานไปกับการออกกำลังกายได้อย่างเต็มที่ ทั้งนี้ถ้าเราเลือกรูปแบบของการออกกำลังกายที่เหมาะสมแต่ละช่วงเวลา ก็จะทำให้การออกกำลังกายมีประสิทธิภาพมากขึ้น
นักวิจัยชี้ วัยผู้ใหญ่อายุ 40-85 ปี หากออกกำลังกายด้วยกิจกรรมที่ใช้แรงระดับปานกลางถึงหนักราว 10 นาทีต่อวัน จะช่วยลดจำนวนผู้เสียชีวิตในวัยนี้ได้มากถึง 110,000 คนต่อปีเลยทีเดียว
7 สิ่งที่เกิดขึ้นกับร่างกาย เมื่อออกกำลังกายแค่ 10 นาทีต่อวัน
การออกกำลังกายเป็นประจำ มีประโยชน์ต่อทุกระบบของอวัยวะในร่างกาย เช่น
Dr. Danine Fruge ผู้อำนวยการด้านการแพทย์ ที่ Pritikin Longevity Center ในไมอามี่ สหรัฐอเมริกา ระบุว่า “ในคนวัย 30 ปีขึ้นไป อาจเริ่มมีความเสี่ยงภาวะมวลกล้ามเนื้อน้อยที่มีส่วนเกี่ยวข้องจากอายุที่มากขึ้น หากมีกิจกรรมที่ช่วยให้ร่างกายได้ขยับเขยื้อนอยู่ตลอด ร่างกายก็จะสูญเสียมวลกล้ามเนื้อน้อยลง การรักษามวลกล้ามเนื้อให้ดีอยู่ตลอดในวัยของตัวเองจึงเป็นการลดความเสี่ยงที่ร่างกายจะเจ็บป่วย เพิ่มคุณภาพของร่างกายและช่วยให้อายุยืนมากขึ้นได้“
ดังนั้น โดยรวมแล้ว การออกกำลังกายเป็นประจำไม่ว่าจะกี่นาที ช่วยให้ความเป็นอยู่ดีขึ้น และมีคุณภาพชีวิตดีขึ้น
10 นาที ดีกว่าไม่ทำอะไรเลย
จากข้อมูลตามสถิติพบว่า หลายคนที่ไม่ได้ออกกำลังกายเลยแม้ว่าจะมีความตั้งใจว่าอยากออกกำลังกาย เป็นเพราะการออกกำลังกายที่ระบุว่าได้ผลดีต่อร่างกาย ต้องใช้เวลามากกว่า 30 นาทีขึ้นไป และเมื่อหาเวลามาออกกำลังกายได้ไม่ถึง 30 นาทีในวันนั้นๆ จึงเป็นข้ออ้างให้ตัวเองข้ามการออกกำลังกายในวันนั้นๆ ไป และอาจเป็นจุดเริ่มต้นของการผัดวันประกันพรุ่งไปเรื่อยๆ ได้
จริงๆ แล้ว 10 นาทีอาจไม่ใช่เวลาที่นานพอที่จะสร้างการเปลี่ยนแปลงของร่างกายได้ในเวลาอันสั้นได้ แต่ 10 นาทีก็มาพอที่จะทำให้ร่างกายแข็งแรงมากขึ้นอย่างช้าๆ และเมื่อรวมเวลาออกกำลังกายต่ออาทิตย์ ก็ยังมากกว่าการไม่ได้ออกกำลังกายเลยแม้แต่วันเดียว
เคล็ดลับในการหาเวลามาออกกำลังกายให้ได้วันละ 10 นาที
การออกกำลังกาย 10 นาทีอาจไม่จำเป็นต้องจริงจังกับการหาวิธีออกกำลังกายที่ชัดเจน สามารถเลือกทำกิจกรรมที่ทำในชีวิตประจำวันเล็กๆ น้อยๆ รวมๆ กันหลายกิจกรรมให้ครบ 10 นาทีได้ เช่น เดิน/วิ่งขึ้นบันไดไม่กี่ชั้นแทนการใช้ลิฟท์ ลุกนั่งกับเก้าอี้ที่นั่งทำงาน 10 ครั้ง เดินไปคุยงานข้ามแผนก เดินขึ้นบันไดสะพานลอย เดินออกไปรับอาหาร/ซื้ออาหารหน้าปากซอย ฯลฯ
แต่หากสามารถหาเวลาให้ตัวเอง 10 นาทีต่อวันได้ สามารถออกกำลังกายง่ายๆ ด้วยท่ากายบริหารต่างๆ ภายในบ้าน เช่น นอนปั่นจักรยานกลางอากาศ สควอท กระโดดเชือก ฮูลาฮูป เต้นตามเพลงที่ชอบ 2-3 เพลง เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม หากสามารถหาเวลาออกกำลังกายในแต่ละวันได้มากกว่า 10 นาทีก็เป็นผลดีต่อร่างกายได้มากยิ่งขึ้น และสลับวันให้ร่างกายได้พักบ้าง เช่น ออกกำลังกาย 3-5 วันต่อสัปดาห์ ไม่จำเป็นต้องออกกำลังกายทุกวัน ที่สำคัญคือออกกำลังกายจนรู้สึกเหนื่อยหอบ หรือปวดเมื่อยกล้ามเนื้อเล็กน้อย จึงจะเป็นการออกกำลังกายที่ได้ผล สามารถเลือกวิธีออกกำลังกายที่ตัวเองถนัดได้ตามใจชอบ
Cr.sanook
ที่ผ่านมา ในช่วงล็อคดาวน์ ทำให้หลายหน่วยงานให้พนักงาน Work From Home ทำให้หลายคนมีกิจวัตรประจำวัน คือนั่งทำงานอยู่หน้าจอ จนทำให้ไม่ค่อยได้ออกกำลังกาย สั่งอาหารเดลิเวอรีทั้งอาหารหวาน มัน เค็มมารับประทาน ทำให้เกิดความเสี่ยงโรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง อ้วนลงพุง ไขมันพอกตับได้ โดยในช่วงที่ผ่านมามีสถิติคนที่เป็นโรคอ้วนเพิ่มขึ้น 2-3 เท่า แม้จะผ่อนคลายล็อกดาวน์แล้ว ก็ต้องไม่คลายความฟิตเพื่อสุขภาพที่ดี
